7/04/2551 08:52:00 ก่อนเที่ยง

จินตนาการมาอย่างไร (3)

เขียนโดย VARAVEE |

เรื่องบางเรื่องนะครับ ก็แค่เส้นผมบังภูเขา จริงๆแล้วหลายคนบอกว่าทำไมผมสอนลูกเยอะจัง เปล่าครับ มันนิดเดียว

เห็นไหมครับ นิดเดียวของคนหนึ่ง มันก็เหมือนเยอะของคนหนึ่ง

คือผมคิดว่า Skill ที่ลูกน่าจะมีต้องครบเกือบทุกด้านที่เวลาจะอำนวยให้

หลายต่อหลายคนมาหาผมบอกว่า ลูกเก่งคณิตศาสตร์ แต่ไม่เอากีฬา ไม่เอาดนตรี ไม่เอาศิลปะ อยากส่งเสริมให้ลูกเรียนคณิตศาสตร์ และอยากต่อยอดคณิตศาสตร์ให้ลูกต่อ

ผมก็มักบอกว่า ไม่ได้หรอก ทักษะในการใช้ชีวิต ต้องมีครบทุกด้าน มันไม่สนุกหรอก ที่ชีวิตจะมาแก้ปัญหาคณิตศาสตร์

เหตผลคืออะไร ทำไมผมถึงบอกอย่างนั้น เด็กที่มาหาผมส่วนใหญ่ ก็เป็นเด็กที่เรียนเกินชั้นเรียนทั้งนั้น

เช่น เหรียญทอง Kumon เรียนเกินชั้นเรียนมาที่ Sakamoto และแน่นอนส่วนใหญ่มาเพราะอยากได้เหรียญ สสวท

ผมก็บอกว่า ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ ถ้าลูกไม่เอากีฬา ดนตรี ศิลปะ ก็ไปหาจริตของลูกก่อนแล้วกัน ก่อนที่จะมามุ่งมั่นทางนี้

เหตุเพราะ ถึงแม้คุณเป็นที่ 1 ของประเทศไทยตั้งแต่เล็ก คุณก็ยังไม่รู้จะพาลูกเดินทางไหนอยู่ดี

ยิ่งถ้าลูกเป็น ที่ 1 สิ่งที่คุณและลูกจะได้รับ แรงกดดันต่อสังคม มันจะมาก อย่าทำเลย

หลายคนบอกว่าไม่ได้ต้องการให้เป็นที่ 1 หรอก แต่อยากต่อยอดในสิ่งที่ลูกชอบ

ผมก็บอกว่า ลูกชอบหรือ พ่อ ชอบ วะ คือ เพราะพ่อชอบ เลยทำให้ลูกชอบ ทำให้ลูกได้ดี ทำให้มีสภาพแวดล้อม แบบนั้น

เด็กที่ทำได้ดี ไม่จำเป็นต้องชอบ แต่ทำได้ดี คนละเรื่องกับชอบอีก

ยกตัวอย่าง เด็กคนหนึ่ง ป.2 อยู่ตลาด กม.8 ขายของ เด็กคนนี้ ทอนเงิน ชั่งของ เป็นหมด ทำเลขได้ดี เก่งนะครับ ถามว่าชอบไหม

อาจไม่ชอบก็ได้

กลับมาที่ชอบกันหน่อย การชอบเขาต้องมี Hero ครับ เล็กๆก็พ่อ ถ้าเป็นสายนักประดิษฐ์ ก็หนีไม่พ้น เอดิสัน ถ้าฟุตบอล เบคแฮม กอลฟ ไม่พ้นไทเกอร์วูด คณิตศาสตร์ล่ะ

คุณ รู้จักนักคณิตศาสตร์ ชื่อดัง กี่คน  คุณนึกออกไหม ถ้าคุณยังนึกไม่ออก ก็แสดงว่ายังไม่ได้เรียกว่าชอบ

เพราะคนที่ชอบ เขาไม่ได้ชอบเพราะสอบได้ดีนะครับ

แต่ชอบเพราะมันคือ คณิตศาสตร์ ชอบเพราะ มันเป็นฟุตบอล ชอบเพราะ มันคิอกอลฟ หรืออาจจะ ชอบเพราะคือ พี่เบิรด พี่บี้  อีก คือ พี่บี้ทำอะไรดูดีไปหมด

ไม่มีเลย นะครับ

แต่คุณมักจะบอกว่า ถ้าลูกอยากจะเป็น นักบิน ลูกน่าจะเรียน เลขได้ดี ถ้าลูกอยากเป็นหมอ ต้องเรียนเลขได้ดีก่อน เพราะ มันเป็นพื้นฐาน

เวลาคณจะดูนิยาม ของ คำว่า รู้คณิตศาสตร์ คุณอาจจะคิดไปต่างๆนานา ว่านั่นว่านี่ เต็มไปหมด

งั้นเราต้องเอาจุดแรกมายึดครับ

การรู้คณิตศาสตร์ ในความหมายของ

องค์กรความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า OECD (Organization for Economic Cooperation and Development) เป็นองค์กรหนึ่งที่มีความสำคัญระดับโลก สมาชิกกลุ่มแรกประกอบด้วยประเทศในยุโรปที่พัฒนาทางเศรษฐกิจ ต่อมาได้ขยายออกรับสมาชิกซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีนอกยุโรป ในเอเซียมีเพียงสองประเทศที่เป็นสมาชิก OECD คือเกาหลีและญี่ปุ่น ส่วนจีนได้แสดงความต้องการเข้าเป็นสมาชิกอยู่ แต่ยังไม่ได้ถูกรับเข้าเป็นสมาชิก และประเทศไทยเอง ก็มีความสนใจอยากจะเข้าเป็นสมาชิกอยูด้วย จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องติดตามความเคลื่อนไหว และร่วมกิจกรรมของขององค์กรนี้ เพื่อจะทราบข้อมูลว่าประเทศไทยมีการพัฒนาเข้าใกล้มาตรฐานของ OECD หรือไม่ อย่างไร

แม้ว่า OECD จะเป็นองค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยึดถือข้อตกลงเบื้องต้นว่า การพัฒนาทางการศึกษานำไปสู่ความสำเร็จของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ OECD จึงให้ความสำคัญกับตัวบ่งชี้ผลการจัดการศึกษา และได้นำเสนอข้อมูลให้ประเทศสมาชิกเห็นข้อเปรียบเทียบด้านทรัพยากรการเงิน การลงทุนทางการศึกษา และผลของการดำเนินการ หรือผลตอบแทนของการลงทุนทางการศึกษาตลอดมาเป็นเวลานับสิบปีมาแล้ว

เมื่อเร็วๆนี้ OECD ได้เริ่มโครงการประเมินผลการจัดศึกษาของประเทศสมาชิก ภายใต้ชื่อโครงการ Programme for International Student Assessment หรือ PISA โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินว่านักเรียนที่จบการศึกษาภาคบังคับ (ซึ่ง ถือเป็นข้อตกลงเบื้องต้นคือ เยาวชนอายุ 15 ปี เพราะโดยทั่วไป เยาวชนวัยนี้คือวัยที่กำลังจะจบการศึกษาภาคบังคับ) จะได้รับการเตรียมพร้อมความรู้และทักษะ ที่จำเป็นสำหรับการเป็นประชาชนที่มีคุณภาพในอนาคต และมีส่วนร่วมสร้างสังคมได้หรือไม่ เพียงใด

จุดเด่นของ PISA ได้แก่ การประเมินที่มองไปถึงชีวิตในอนาคต ไม่ใช่การประเมินตามเนื้อหาในหลักสูตรที่เรียนกันอยู่ในปัจจุบัน และเป็นการประเมินต่อเนื่อง โดยจำแนกเป็น 3 ระยะ ๆ ละ 3 ปี จุดเน้นของ PISA คือการประเมิน การรู้เรื่อง (Literacy) โดยยึดหลักการสำคัญ คือ ต้นแบบของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งเน้นที่ ความรู้และทักษะใหม่ ที่จำเป็น เพื่อการปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงซึ่งนักเรียนไม่สามารถเรียนรู้ทุกอย่างจากโรงเรียน แต่เพื่อให้เป็นผู้เรียนสามารถรู้ตลอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง การศึกษาจึงต้องให้ “ฐานราก” ที่มั่นคง

การรู้เรื่องคณิตศาสตร์ (Mathematics literacy) มีความหมายมากกว่าการคิดเลขและการทำโจทย์ การรู้จักรูปคณิตศาสตร์ หรือการจัดการข้อมูล แต่หมายรวมถึงรู้ขอบเขตและข้อจำกัดของแนวคิดคณิตศาสตร์ สามารถติดตามและประเมินข้อโต้แย้งเชิงคณิตศาสตร์ เสนอปัญหาเชิงคณิตศาสตร์ เลือกวิธีการนำเสนอสถานการณ์เชิงคณิตศาสตร์ และสามารถตัดสินปัญหาบนพื้นฐานของคณิตศาสตร์ เพื่อแสดงว่าเป็นประชากรที่มีความคิดสร้างสรรค์และรอบคอบ

 

ขอเน้นคำนี้ อีกรอบ นะครับ

การรู้เรื่องคณิตศาสตร์ (Mathematics literacy)

เพื่อแสดงว่าเป็นประชากรที่มีความคิดสร้างสรรค์และรอบคอบ

1 ความคิดเห็น:

Rattana MNSHANG กล่าวว่า...

"การรู้เรื่องคณิตศาสตร์ (Mathematics literacy) มีความหมายมากกว่าการคิดเลขและการทำโจทย์ การรู้จักรูปคณิตศาสตร์ หรือการจัดการข้อมูล แต่หมายรวมถึงรู้ขอบเขตและข้อจำกัดของแนวคิดคณิตศาสตร์ สามารถติดตามและประเมินข้อโต้แย้งเชิงคณิตศาสตร์ เสนอปัญหาเชิงคณิตศาสตร์ เลือกวิธีการนำเสนอlถานการณ์เชิงคณิตศาสตร์ และสามารถตัดสินปัญหาบนพื้นฐานของคณิตศาสตร์ เพื่อแสดงว่าเป็นประชากรที่มีความคิดสร้างสรรค์และรอบคอบ"

เรื่องนี้ไม่เคยคิดในแง่นี้มาก่อน และการมองปัญหาและแก้ปัญหาบนพื้นฐานของคณิตศาสตร์ ในประเทศเรามีหรือคะ แม้แต่ตัวเลขทางสถิติต่างๆ ก็ล้วนแต่ Make เอาเอง ประเภท GDP สั่งได้

แสดงความคิดเห็น

Subscribe