10/18/2551 08:41:00 หลังเที่ยง

โอกาสในการศึกษา Fair & Unfair

เขียนโดย VARAVEE |

มีหลายคนถามผม และเป็นห่วงผม ผมขอบคุณทุกทุกท่านจากใจจริงเลยนะครับ

บางคนอาจไม่เข้าใจ ว่าทำไมหนา

มีคำบางคำที่ผมเคยได้ยิน เด็กพูด และทำให้ผมสะอึก

"""""
ผมทราบครับว่าโลกนี้น่ะ Unfair


แต่สิ่งที่อยากให้โลกนี้มีความยุติธรรมเหลืออยู่บ้างก็คือ

โอกาสในการศึกษา ถ้าผมไม่มีเงิน ผมคงไม่มีอนาคต ดีดี กับเขาแล้วใช่ไหม""""""""

===================================================
หลายคนที่อ่านบทความของผม จริงๆแล้วเป็นผู้มีโอกาสทั้งนั้น

สำหรับตัวผมแล้ว ผมก็คงไม่มีโอกาส เป็นครู ให้เด็กๆ ในโรงเรียนอนุบาล ได้ หรอก

เพราะ คงไม่มีใครให้ผมสอน แม้ผมจะชอบ (เพราะหน้าตาที่น่ากลัว มากกกกกก)

มันคงมีคำถาม เยอะแยะไปหมด ว่าทำไมมาสมัครเป็นครู

และถ้าถามว่า แล้วไปเป็น ครูแบบนั้น ผมจะสนุกไหม

ผมว่าผมไม่สนุก ผมทำเพราะความรัก รักใน เด็ก และ รักในวิชา คณิตศาสตร์

===================================

หลังจากที่คำแนะนำเต็มมาไปหมด ทั้งจากเพื่อนตัวดีของผม และแม่แม่หลาย คนมากมากที่ห่วงผม อย่างจริงใจ

2 วันก่อน ผมนั่ง หยิบปากกา ขึ้นมา เพื่อเขียน Map ว่า ผมจะทำไงต่อ

หลังจากเขียน Main Idea ต่อ Branch แรก ความคิดแรกที่ผ่าน เข้ามาในหัว

ทำให้ผมต้องวางปากกาลง


เพราะ วันหนึ่งที่ริมแม่น้ำป่าสัก

ผมคุยกับ คน คนหนึ่ง เรื่องตกปลา

ผมก็พยายามหา เนื่อเรื่อง ที่ เธอ พยายามบอกผม โดยสรุป และผมก็หาเนื้อเรื่องมาว่าจริงๆแล้วเรื่องนี้ เป็นยังไง

เพราะผมประทับใจเรื่องที่ เธอเล่ามาในเรื่องนี้มาก

จริงๆแล้วเธอเล่ากระท่อนกระแท่น เพราะลักษณะของเธอ ซึ่งน่าจะเก่งคณิตศาสตร์ ซึ่งคนลักษณะนี้ มักจะเป็น ผู้เล่าที่ไม่ค่อยดีนัด แต่ ผมจับอารมณ์ของเธอที่พยายามสื่อให้ผมฟังได้

เนื้อเรื่องเป็นดังนี้นะครับ

""""""มีนักธุรกิจเศรษฐีคนหนึ่ง ทำงานมานานนนนมากจนรวยเป็นหลายร้อยหลายพันล้าน


วันหนึ่งเขาก็ได้ขายธุรกิจของตนเอง ทันทีที่ขายเสร็จ ก็สั่งให้ขนขับรถรีบพาไปชายทะเล


พอไปถึงเขาก็เอาเก้าอี้ตั้ง นั่งตกปลาอย่างสบายอารมณ์ ลมพัดเย้นเย็น เศรษฐีรุ้สึกมีความสุขม้ากมาก ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นลุงคนนึงกำลังนั่งตกปลาอยู่เหมือนกัน


เขาจึงเอ่ยถามว่า "ลุงนั่งตกปลามานานยัง?"

"นานแล้ว"ลุงตอบ

"ลุงเป็นคนแถวนี้เหรอ" "ใช่ๆ"

"แถวนี้มีปลาเยอะมั้ยลุง"

"โอ่ย..เยอะมาก"

"แล้วลุงตกได้วันละกี่ตัวเนี่ย?"

"ตัวเดียวก็พอแล้ว"

"อ่าวลุง ปลามีเยอะแยะทำไมตกเอาแค่ตัวเดียว?"

"อ่าวก็ข้าอยู่กันสามคน พ่อแม่ลูก ปลาตัวเดียวก็อยู่ได้แล้ว"

"แล้วเวลาที่เหลือล่ะท่านทำอะไร"นักเศรษฐศาสตร์ถามต่อ

"ข้าก็อยูกับลูกกับเมีย ตอนเย็นก็ไปเดินเล่นในหมู่บ้าน เล่นดนตรี ร้องรำทำเพลงสังสรรกับเพื่อนฝูงแล้วก็กลับบ้านนอน ชีวิตก็เป็นอยู่อย่างนี้"ชาวประมงตอบ

"อ่าว ทำไมลุงไม่ตกวันเดียวสิบตัว แล้วสิบวันค่อยมาที่นี่ครั้งนึง"

ลุงก็มองแล้วงงๆนะ คิดได้ไงเนี่ย

เป็นนักธุรกิจก็ต้องชอบคิดวางแผนนั่นแหละ เหอะๆๆ

"ลุง ถ้าเป็นผมนะ ผมจะตกทีละเยอะๆเลย"

ลุงถามว่า"อ่าว ตกไปเยอะๆเอาไปทำอะไร"

"ก็เอาไปขายสิลุง! ให้ได้เงินมาเยอะๆ แล้วก็ไปซื้อเรือมาลำนึง

ไปตกที่ปลาเยอะๆกว่านี้อีก เอาปลาเยอะๆนั้นแหละไปขายให้แพปลา พอได้เงินมาแล้วก็มีเงินเหลือ"

ลุงถามต่อ "มีเงินเหลือแล้วเอาไปทำอะไรหละ"

นักธุรกิจรีบตอบ "ปัดโถ่เอ้ย ก็เอาไปซื้อเรือลำใหญ่กว่าสิ ทีนี้ก็ไปให้ไกลอีกหน่อยนึง สามวัน ห้าวัน เจ็ดวัน เอาเข้ามาขาย"

"ตอนนี้คุณก็จะมีเงินแสนแล้วนะ"

ชาวบ้านตาโตละ ตอนแรกกูยังไม่มีอะไร

ตอนนี้มีเงินแสนละ๕๕๕ เศรษฐียังเล่าต่อไป..

"พอคุณมีเงินแสนแล้วนะ คุณก็ซื้อเรือลำใหญ่กว่าเดิมอีก

เอาที่มีห้องเย็นข้างใน ไว้เก็บปลาได้นานเป็นเดือนเลย

แล้วคุณได้ปลาเยอะๆนะ ไม่ต้องไปขายให้แพปลาละ

คุณเปิดแพปลาแล้วขายกันเอง รับซื้อปลามาขายได้อีก"

เห็นมั้ย เริ่มควบรวมกิจการชาวบ้านละ

ทีนี้ทำไงต่อ อ่าวทีนี้คุณขายปลาได้เยอะๆงี้ก็มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน คุณก็เข้าตลาดหุ้นดิ"

เข้าตลาดหุ้น แล้วพอราคาหุ้นคุณขึ้นเอา ขึ้นเอา

คุณก็ไปซื้อกิจการอื่นๆอีกซิ แล้วควบรวมกิจการทางทะเลทั้งหมดเลยนะ"

"ทีนี้แหละคุณก็มีแสนล้าน รวยมหารวย"

เศรษฐียิ้มอย่างพอใจ ลุงก็ถามต่อไปอีก "อ่าวมีแสนล้านแล้วทำไงอะ?"

"อ่าว คุณก็ขายธุรกิจเหมือนผมไง!" ๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ชาวบ้านถาม "คุณรวยเป็นแสนล้านแล้วมานั่งตกปลากะผมหาพระแสงอะไรไม่ทราบ"

"อ้าว ก็พอมีธุรกิจแสนล้าน ก็ขายทิ้ง แล้วท่านก็ย้ายกลับมาที่หมู่บ้าน หาซื้อบ้านริมทะเล ใช้ชีวิตสงบๆกับลูกเมีย แล้วมานั่งตกปลากันสบายใจเฉิบ ....เพื่อจะได้มีความสุขกันไง...."

ชาวบ้านบอก "ผมไม่ต้องวุ่นวายขนาดนั้นเลย" "ผมก็มีความสุขอยู่แล้วนี่ไงทุกๆวัน"


=================================

ผมวางปากกาลง แล้วนั่งนึกถึงเรื่องที่เธอเล่า ให้ผมฟัง



================

หลังจากวันที่แม่น้ำป่าสัก

ผมนั่งคิด ผมไม่เห็น ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเลย

ถ้าผม อยู่ในสภาพ ที่หน้าตา น่ากลัว(ใครเห็นผม ที่ออกมาจากป่าวันแรกก็คงกลัวละนะ 5555) ไม่ต้องมี First Image เพื่อสร้างอะไรให้คนเห็น

คนไม่ต้องรู้จักผม ว่าผมคือใคร มีสภาพเพียงกางเกง ยีนส์ เสื้อยืด เก่าๆ เหมือน วันที่ผมนั่งริมแม่น้ำป่าสัก

ทำอย่างเดียว ทำเพื่อ สร้าง ทำเพื่อแก้กรรม ทำไป



วันก่อนคุยกับแม่คนหนึ่ง ที่สวนรถไฟ ว่าต่อไปจะเป็นไง

ผมก็บอกว่า ถ้าเหลือ น้องมา เพียงคนเดียว ผมก็ยังมา

ถ้าน้องยังต้องการให้ผมสอน ผมก็จะมาสอนน้อง
ลองดูกันว่าใครจะทนกว่าใคร

==================================


แผนการณ์ที่ไม่ถูกกำหนด แม้จะเรียนมามากมาย ว่าทำอะไรต้องวางแผน


แผนการณ์ ประเมินผล ที่ไม่มี แม้จะเรียนมามากมาย ว่า จะประเมินผลอย่างไร


จับมันทิ้งไปหมด


ก็ขอขอบคุณแรงใจ ทุกท่าน โดยเฉพาะเรื่อง นักเล่นหุ้นตกปลา ที่ริมแม่น้ำป่าสักในวันนั้น

มีคำคำหนึ่งที่ผมจำได้ในคำที่หลวงตาบอก

"""""อย่าไปฝืน ถ้าอะไรมันจะเกิดให้มันเกิด แต่อย่าไปทำ ให้มันเกิด แต่อย่าไปฝืนมัน ถ้าไม่อยากได้ก้ให้รู้แค่ ว่า มีลาภเสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ ก็พอ แต่อย่าไปฝืน อย่าไปฝืนความหวังดีของใครอีก เพราะเมื่อไร เขาหวังดี แล้วเราฝืน มันเป็นกรรม มันติดตัวเรา.................
แล้วทางออกแต่ละทางมันจะมาเอง มันจะมาเอง ตาม ธรรมะ

มีหน้าที่ก็ทำไป ทำให้ดีที่สุด """""

ขอขอบคุณ ทุกท่านที่เป็นห่วง

ขอขอบคุณ ในความกรุณา จากหลายๆท่าน

ถ้าอะไรจะเกิด คงให้มันเกิด ตามธรรมชาติ ซึ่งก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นธรรมชาติแบบไหน

======================================================
















9 ความคิดเห็น:

nookjung กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะ พ่อธีร์ต้องขอบคุณในความเมตตาที่จุดประกายของพ่อธีร์นะคะ

ดิฉันก็สอนลูกเองอยู่ที่บ้านค่ะ ตอนนี้เตรียมการสอนอยู่ เริ่มจากวัสดุที่มีในบ้านน่ะค่ะ แล้วก็ไปเดินศึกษาภัณฑ์ สัปดาห์หนังสือ เพื่อหาซื้อเพิ่มเติมที่จำเป็น เผลอๆเพลินๆ โดนกิเลสลากไป กระทำกรรม หลายตังค์เหมือนกัน สนองตัณหาแม่ค่ะ ดิฉันรักหนังสือมาก ชอบอ่านหนังสือ มากๆ

ขออนุญาต พ่อธีร์นะคะ ดิฉันไม่รู้จะให้กำลังใจอะไรพ่อธีร์แต่เรื่องที่พ่อธีร์เล่าให้ฟังดิฉันเคยฟังจากพระธรรมเทศนาของ พระอาจารย์ ปราโมทย์น่ะค่ะ และก็เลยคิดว่า ความรู้เท่าหางอึ่งที่ดิฉันได้มาจากการพยายามเจริญสติ และก็ฟังธรรมและไปปฏิบัติธรรมมาบ้าง ก็คือ เรื่องไตรลักษณ์นะค่ะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุึกอย่างในโลกนี้ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ทั้งนั้น ไม่ว่า จะความสุข ความทุกข์ ลองสังเกตุดูนะคะ คนเรามีทุกข์อยู่ที่กาย อยู่ที่ใจ สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือ การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ คือค้นพบว่ากายและใจไม่ใช่เรา เมื่อกายและใจไม่ใช่เราแล้ว ก็จะหลุดพ้นนะค่ะ แต่เราต้องทำของเราเองจนจิตเห็นความจริงว่ากายและใจไม่ใช่เรา

จะส่งอะไรให้พ่อธีร์ดี เพื่อเป็นกำลังใจ นึกถึงหนังสือเรื่องธนาคารแห่งความสุข ของ Aston แล้วเลยทำ Link มาให้พ่อธีร์ลองแวะไปอ่านดูนะคะhttp://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=25-05-2007&group=2&gblog=201

ดิฉันมีหนังสือ อยู่เล่มหนึ่ง อยากส่งให้พ่อธีร์ คือ วิถีแห่งความสุขของ อาจารย์สุรวัฒน์ ลูกก็ชอบอ่านค่ะ อาจจะชอบดู กังฟูแพนด้าก็ได้

http://www.wimutti.net/books/surawat/happy/main.htm?a=1

ขอให้บุญกุศลที่พ่อธีร์ทำเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดสติและปัญญาให้พ้นทุกข์ได้นะคะ

IcyKeng กล่าวว่า...

พ่อธีร์ขา สิ่งที่พ่อธีร์ทำอยู่จุดประกายให้แม่ๆหลายคน ใครอ่านแล้วอย่างน้อยเอาซักเทคนิคนึงไปใช้ก็นับว่าเป็นบุญของเด็กที่แม่เค้าได้มาอ่านเจอวิธีการสอนดีๆ

ไม่อยากให้พ่อธีร์ทุกข์กับเรื่องที่กำลังทำอยู่นะคะ

BJ กล่าวว่า...

แอบเดาว่า ...
พ่อธีร์คงกำลังสงสัย

เราเคยเล่าให้พ่อธีร์ฟังว่า เคยส่งใบสมัครเป็นครูโรงเรียนทางเลือกแห่งหนึ่ง
(หวังว่าหัวหน้าไม่มาอ่านเจอ ไม่งั้นตรูตัย)

เป็นโรงเรียนที่ชอบมากกกกกกก
แ่ต่ก็ไกลบ้านมากกกกกกกกกกก

ตอนที่เขียนใบสมัคร
ตอนนั้นลูกคนเล็กอายุ 2 เดือน
ฮอร์โมนกำลังปรับแน่ๆ เลย เลยกระุ้ตุ้นอารมณ์อยากอยู่บ้านกับลูก

ส่งไป 2 วันโรงเรียนโทรมาตาม
เครียดเลย ตอนนี้ก็ยังเครียดอยู่
เพราะอยากสอน แต่ก็รักงานปัจจุบันมากๆ

บอกพ่อธีร์ว่าเขียนใบสมัครเป็นครูด้วยนะ
พ่อธีร์ถามว่า โรงเรียนเนี้ย ค่าเรียนเท่าไร

เราก็ตอบไป
.
.

สักพักไม่นาน ได้มีโอกาสคุยอะไรกันก็ไม่รู้
วกเข้าเรื่องโรงเรียน

พ่อธีร์บอกว่า จริงๆ แล้วนะ
ถ้าจะวัดผลของเด็กโรงเรียนทางเลือกนี่ .. วัดยาก

เพราะเด็กที่ได้เข้าเรียนโรงเรียนพวกนี้ คือ เด็กที่เกิดมาในที่ซึ่ง "มีโอกาส" อยู่แล้ว

"อย่างลูกคุณก็ถือว่าเป็นเด็กมีโอกาส
อย่างลูกผมก็ถือว่าเป็นเด็กมีโอกาส"

"อย่างน้อยก็มีโอกาสดีที่พ่อกับแม่สอนได้ มีเงินให้เขาได้เรียนในที่ซึ่งส่งเสริมโอกาสของเขา"
.
.

ตรงนี้ เราก็บอกว่า ส่วนนึงมันก็กรรมดีที่เขาทำมาด้วยแหละ ที่ทำให้เขาได้เกิดในที่ซึ่งมีโอกาส

โดยส่วนตัวยอมรับแบบหน้าชื่น และไม่ได้อิจฉาเลยว่า โลกนี้ไม่มีความ "เท่าเทียม" กันหรอกค่ะ

สิ่งที่ทำให้แตกต่าง ก็คือ "กรรมเก่า" ของแต่ละคนนั้นแหละ

ผนวกกับ "กรรมใหม่" ที่ได้ทำในชาตินี้อีก

แค่คล้อยหลัง .. กรรม ที่เราคิดว่าเป็นกรรมใหม่ ซึ่งกำลังทำ ณ ตอนที่พิมพ์ตอบบล็อกพ่อธีร์อยู่วินาทีนี้

พิมพ์เสร็จ ก็จะกลายเป็น กรรมเก่าไปในทันใด

.
.


ถึงตรงนี้แอบแนะนำหนังสือซีรีส์ของ ทันตแพทย์สม สุจีรา -- เรื่อง "เกิดเพราะกรรม หรือความซวย"
เป็นภาคต่อของ "ไอนสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น"

เขียนดี อ่านง่าย และสนุกมากๆ
.
.

เป็นอันว่า
ก็เลยไม่ได้ถกกันเรื่องกรรมเก่า-กรรมใหม่

เพราะกรรมมันเกิดแล้ว
ก็ยิ้มรับกับมันหน่อย
.
.

สิ่งที่ยังติดค้างอยู่
คือ คำถามของพ่อธีร์ที่็ถามว่า

แล้วเด็กที่เขาไม่มีโอกาสแบบพวกเราหละ

............



อ่านเรื่องนี้แล้ว ถ้ามองอีกมุม
แบบ ขำ ขำ นะคะ

บางที ถ้าเด็กที่เราคิดว่าเขาไม่มีโอกาส มองกลับมายังพวกเรา (ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้มีโอกาส)

เด็กเหล่านี้ อาจจะคิดว่า น่าสงสารพวกเราจังเลย
พวกเราช่างเป็นผู้ด้อยโอกาสเสียจริงๆ
.
.

เด็กเมืองเอ๋ย .. ฉันว่าเธอก็ด้อยโอกาสเหมือนกันแหละ

แต่คนละแบบกับฉันนะ

- วันๆ ต้องฝ่าฟันจราจร อยู่แต่บนรถ เท้าไม่ได้สัมผัสดิน

- แต่ละวัน พ่อแม่แทบไม่ค่อยมีเวลาให้ เพราะค่าครองชีพในเมืองสูงกว่าบ้านฉัน

- (เกือบ) ทุกอย่างต้องใช้เงินซื้อ
ต้องซื้อแม้กระทั่ง ผักตำลึงที่ฉันเก็บกินได้ในรั้วบ้านฉัน หรือเก็บจากรั้วเพื่อนบ้าน
(ที่ไม่ทำหน้าหงิกใส่เวลาฉันเดินไปขอเก็บตำลึง)

- น้ำใจ ที่มีอยู่เปี่ยมล้น ณ บ้านฉัน ดูเหมือนจะเหือดหายไปเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้เขตเมือง

กว่าเจ้าน้ำใจ จะเดินไปถึงบ้านเธอ มันอาจจะแห้งไปเลยก็ได้

เพราะมันโดนแดดเผา
ตายไประหว่างทางเสียแล้ว


พูดถึงน้ำใจ
ก็ต้องขอบคุณอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้นะคะ

ช่วยให้เรารู้ว่า "น้ำใจ" ยังมีอยู่

อินเตอร์เน็ต ช่วยให้เราได้แบ่งปันน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมโลก ในสังคมที่ยุ่งเหยิง


เขียนมาถึงตรงนี้ ก็สงสัยอีกแล้วว่า

แล้วถ้าเป็นที่ซึ่งอินเตอร์เน็ตยังไปไม่ถึงหละ
เราจะมีโอกาสได้แบ่งปันน้ำใจของเรา ให้คนในแดนไกลบ้างไหมหนอ

chuta กล่าวว่า...

เป็นอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ ^-^

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีโอกาส
หรือไม่มีโอกาส

Fair หรือว่า Unfair

เป็นคำจำกัดความ ของคนกลุ่มหนึ่ง ให้อีกกลุ่มหนึ่ง
แล้วก็สุม สุม เป็นเดือน เป็นปี หรือเป็น สิบปี หรือ ร้อยปี จนคิดไปเอง
(เหมือนสมัย ปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ชาวตะวันตก ให้คำจำกัดความกับ ชาวตะวันออก ว่าไร้อารยธรรม )

โอ๊ะ โอ ไปโน่นเลย .......

ดุษว่าเราไม่ต้องคิดไกลกันขนาดนั้นดีมั้ยคะ
ทำแค่เรารู้สึกว่า พอใจที่จะทำ แล้วไม่เป็นทุกข์ กับตัวเอง และคนรอบข้าง

ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ ปัญญาบารมี ที่พ่อธีร์ ส่งให้ทุกคน จะนำพาให้พ่อธีร์เห็นแจ้ง ในสิ่งที่ทำค่ะ


(แต่ก่อน กดดันตัวเอง ให้ต้องพาปิ๊นปิ๊น มาให้ได้ทุกอาทิตย์ ที่สวนรถไฟ แล้วอาทิตย์ไหน มา โดยที่ธุระอื่นยังไม่เสร็จ
ใจก็มัวแต่กังวล ว่ายังทำธุระไม่เสร็จ หรือพออาทิตย์ไหน ไม่มา ก็กังวลอีก เลยเปลี่ยนความตั้งใจ
ไม่กดดันตัวเอง แต่ทำสม่ำเสมอ ให้ได้ทุกวัน (ยังไม่กล้า โทรไปรบกวน ไว้ถ้าช่วงไหน มาไม่ได้ 2-3 อาทิตย์ ติดกัน
จะขออนุญาต โทรไปรบกวนนะคะ )

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มาช้าดีกว่าไม่มา

่มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ คำพูดนั้นก็ขอลอกจากแม่ๆ ท่านอื่นๆ ด้วย เพราะพูดไม่เก่ง แต่อยากให้ทราบว่า ยังมีกำลังใจอีกล้นเหลือที่ส่งไปให้

เข้าเรื่องดีกว่า (โอกาศในการศึกษา ...)
ความเห็นนะค่ะ
อย่าถามหาความยุติธรรมบนโลกใบนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไร เพราะมันไม่มีจริง...

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ
ดิฉันเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณทำเสมอ ว่า คุณมีความตั้งใจที่ีดี และมีความสามารถที่ทำได้ อย่าให้ความคิดทำให้คุณท้อถอยนะคะ

อิ อิ ช่วงนี้ เปื่อยไปหน่อย ไม่ค่อยมาอ่านอะไรยาวๆ มันปวดหัวค่ะ หมอบอกให้นอนแยะๆ เลยตามไม่ทัน ไว้หายดีจะมาตามเก็บ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แม่ปั้นนะคะ

อ่านดูเหมือนพ่อธีร์กำลังกังวลอะไรอยู่หรือเปล่าคะ

ตามความคิดของเรา คิดว่าการช่วยเหลือใดๆ ตามกำลังที่มีในขณะที่เรามีภาวะครบ 32 ประการ ถือว่าดีที่สุดแล้วค่ะ

สิ่งที่พ่อธีร์ทำ ทำให้พ่อแม่สุขใจทีได้สอนลูกด้วยตัวเองและขอบอกว่าได้ผลมากๆ ค่ะ

จากที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ก็เป็นระเบียบขึ้นว่าจะสอนไปในทิศทางไหน เริ่มจากอะไร

การจะไปพบตามสถานที่ต่างๆ อาจไม่สะดวก เพราะมีหลายตัวแปร แต่ยังตามอ่านอยู่นะคะ

พ่อธีร์อย่าเพิ่งท้อนะคะ

BJ กล่าวว่า...

ตามมาเก็บค่ะ ...

ทำแค่เรารู้สึกว่า พอใจที่จะทำ แล้วไม่เป็นทุกข์ กับตัวเอง และคนรอบข้าง

(แต่ก่อน กดดันตัวเอง ให้ต้องพาปิ๊นปิ๊น มาให้ได้ทุกอาทิตย์ ที่สวนรถไฟ แล้วอาทิตย์ไหน มา โดยที่ธุระอื่นยังไม่เสร็จ
ใจก็มัวแต่กังวล ว่ายังทำธุระไม่เสร็จ หรือพออาทิตย์ไหน ไม่มา ก็กังวลอีก เลยเปลี่ยนความตั้งใจ
ไม่กดดันตัวเอง แต่ทำสม่ำเสมอ ให้ได้ทุกวัน (ยังไม่กล้า โทรไปรบกวน ไว้ถ้าช่วงไหน มาไม่ได้ 2-3 อาทิตย์ ติดกัน
จะขออนุญาต โทรไปรบกวนนะคะ )


อิอิ..
แม่น้องปิ๊นคิดถูกแล้วค่ะ

แบบนี้แหละเอาที่สบายใจตัวเอง แล้วไม่ลืมวินัย

บันทึกที่จดไว้เรื่อยๆ ก็บอกได้แล้วค่ะว่าแม่ตั้งใจขนาดไหน

ไม่ต้องห่วงค่า .. เด็กเล้กอย่างน้องปิ๊น ตอนนี้ก็สร้างพื้นฐานไปก่อน อาจจะไม่โทรบ่อย เพราะไม่มีเรื่องสงสัย

ความคืบหน้า อาจจะดูช้า
แต่รออีกสักพัก เดี๋ยวก็ได้ไวเองค่า

ทั้งหมดนี้ เป็นผลจากความพยายามแบบไม่กดดัน ทั้งแม่และลูกนะค้า

-------

แบบนี้แหละ เรียกว่า "ผ่านด่านแรกแล้ว"

แหะๆ

ด่านแรก คือ ทำไปจนรู้ว่า

แบบไหนเรียกว่า กดดันตัวเอง
แบบไหนเรียกว่า กดดันลูก

การเล่นเชิงเรียนรู้จากนี้ไป
น่าจะทำได้แบบปล่อยวาง ไม่คาดหวังมาก และมีจุดที่เหมาะสมเชียวหละค่ะ

แสดงความคิดเห็น

Subscribe